คำถามคำตอบเกี่ยวกับภาควิชา วิชาที่เรียน เอาไว้ใช้สนทนาภาษาอังกฤษ(English Conversation) What is your major? /What year are you? คุณเรียนวิชาเอกอะไร/คุณเรียนปีอะไร 1. My major is chemistry and I'm a fresh man. ฉันเรียนเอกเคมี ปี 1 2. My major is fashion design and I'm a sophomore ฉันเรียนเอกแฟชั่นดีไซน์ ปี 2 3 My major is English I'm a sophomore. But I was a junior chemistry major before I transferred here. ฉันเรียนเอกภาษาอังกฤษ ปี 2 แต่ฉันเคยเรียนเอกเคมี ปี 3 ก่อนย้ายมาเรียนที่นี่ 4. I'm majoring in fine art and I'm a senior. ฉันกำลังเรียนเอกวิจิตรศิลป์ ปี 4 Did your parents help you choose your major? พ่อแม่ของคุณมีส่วนช่วยในการเลือกวิชาเอกหรือไม่ - Yes, my father wanted me to major in English. มีส่วน พ่ออยากให้ฉันเรียนเอกวิชาอังกฤษ - Sort of. I wanted to major in art, but my father said no. ก็มีส่วน ฉันอยากเรียนศิลปะ แต่พอบอกไม่ให้เรียน - My parents said they not help me if I went into art. ท่านบอกจะไม่ช่วยเหลือฉัน ถ้าฉันเรียนเอกศิลปะ - They said whatever I wanted was fine with them.
ญ. เอ: ฉันอยากเก่ง >> แต่ฉันไม่ฝึก >> ความอยากยังอยู่ แต่ความเก่งความชำนาญไม่เกิด >> สรุปว่ายังอยู่ที่เดิม ด. บี: ฉันอยากเก่ง >> ฉันฝึก >> ฉันชำนาญ >> อยากเก่งกว่านี้อีก >> ฝึกต่อ >> ฉันเชี่ยวชาญ >> อยากเก่งกว่านี้อีก >> ฝึกต่อ >> ฉันเป็นปรมาจารย์….. มีกฎข้อหนึ่งที่ว่า ถ้าคุณฝึกฝนอะไรก็ตามผ่านพ้น 10, 000 ชั่วโมงได้ คุณก็จะเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ อยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆก็ต้องฝึกสิครับ วิธีการฝึกพูดก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแค่หาบทสนทนาภาษาอังกฤษฉบับง่ายๆ เน้นว่าฉบับง่ายๆไม่กี่ประโยคต่อหนึ่งสถานการณ์มาอ่าน แล้วก็ฝึกด้วยตัวเองนี่แหละก่อนเป็นเบื่้องต้น ให้เราคนเดียวเป็นทั้งนาย ก และนาย ข เลย เช่น A: Hell, Jo. How are you today. B: Fine, thanks. And you? ฺA: I'm fine. Thank you. บทสนทนาภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนรู้เบื้องต้น คลิกที่นี่ เห็นไหมครับ แค่นี้เราก็พูดเป็นแล้ว ในเบื้องต้นก็ขอให้ฝึกแบบเป๊ะๆ ตามตัวอักษรก่อนก็ได้ ถ้าเราเริ่มชำนาญแล้ว เราก็จะดัดแปลงเป็นคำพูดในแบบอื่นๆได้เอง เชื่อสิ เราก็ทำการฝึกอย่างนี้แหละไปเรื่อยๆตามวงจรของ ด. บี ซึ่งให้ฝึกสนทนาที่เป็นบทนสนทนาในชีวิตประจำวันก่อน เช่น การทักทาย การกล่าวลา การถามชื่อ สกุล อาชีพ อะไรประมาณนี้ เพราะเวลาที่เราเจอกับฝรั่งและได้พูดคุยกัน ก็คุยเรื่องใกล้ๆตัวนี่แหละ ไม่ได้คุยเรื่องดาวอังคารซะที่ไหน ทีนี้พอเราพูดได้ในหลายๆสถานการณ์ นั่นก็แปลว่าเราสามารถคุยได้หลายเรื่อง ซึ่งจะทำให้การสนทนาของเรายาวนานขึ้้น ไม่ใช่ What's your name?
"What did the teacher say? " ครูพูดว่าอะไรนะ? "Please put your hand up if you can hear me! " ถ้าคุณได้ยินกรุณายกมือขึ้น "Can you say that again? " ช่วยพูดซ้ำอีกทีได้ไหม? "Well done! " ดีมาก!