ทวงหนี้โหดถึงบ้าน และเพราะเงินด่วนพวกนี้เก็บดอกเบี้ยแพงมาก ทำให้เงินด่วน 30 นาทีโอนเข้าบัญชีไปแป๊บเดียว ก็โดนคิดดอกเบี้ยไปหลายเท่าตัว และถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ เค้าไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ไม่ต้องหวังถึงกระบวนการทวงหนี้แบบถูกกฎหมายเลยครับ เพราะพวกเงินด่วนนอกระบบได้จริง 2563 พวกนี้เค้าตามยันบ้านเลยแหละ ไม่มีกฎหมายรองรับ เข้าถึงตัวลูกหนี้แบบสุดๆ ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์ เอาของมีค่าออกจากบ้านมาทันที เพื่อไถ่หนี้ ซึ่งคุณจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงไปเถียงอะไรเค้าได้เลย 3.
ความสำคัญของเส้นผมต่อวิถีชีวิตในอดีต
สภาพอากาศ โดยเกิดจากสภาพอากาศหนาวเย็นหรืออากาศร้อนแห้ง โดยส่วนมากคนมักจะเป็นรังแคช่วงฤดูหนาว 7. การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น มูส สเปรย์ เจล เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจจะมีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับหนังศีรษะได้ 8. ขาดสารอาหารบางประเภท เช่น ขาดวิตามินบี ซิงก์ (สังกะสี) หรือไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเช่น โอเมก้า 3 9. ความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรังแคได้ เนื่องจากความเครียดจะส่งผลทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนจนขาดความสมดุล 10. ดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็มีส่วนทำให้เกิดรังแคได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเป็นรังแคเพิ่มขึ้น 1. เพศและอายุ รังแคสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ปกติมักจะเกิดกับวัยหนุ่มสาวจนไปถึงวัยกลางคน แต่สำหรับบางรายสามารถเป็นได้ตลอดชีวิต นอกจากนั้น จากการวิจัยพบว่าเพศชายมีโอกาสเป็นรังแคได้มากกว่าเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเพศชายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดรังแค 2. มีน้ำมันที่เส้นผมและหนังศีรษะมาก เชื้อรามาลาสซีเซียสามารถเติบโตได้จากน้ำมันบนหนังศีรษะ เมื่อเชื้อราชนิดนี้มีมากกว่าปกติก็จะทำให้เกิดรังแค 3. โรคบางชนิด เช่น โร๕ผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน เชื้อราบนหนังศีรษะ โรคพาร์กินสัน ทำให้มีโอกาสเกิดรังแค รวมไปถึงการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือภาวะที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ก็อาจทำให้เกิดรังแคได้เช่นกัน 4.
เบคกิ้งโซดา ช่วยกำจัดเชื้อราที่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยผสมกับน้ำเปล่าจนคล้ายแป้งเปียก ทาและนวดหนังศีรษะประมาณ 2-3 นาที ล้างออกแล้วสระผมตามปกติ 9. เกลือ เป็นการช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือรังแคคออกจากหนังศีรษะ โดยการทาเกลือลงบนหนังศีรษะที่เปียก นวดสักพัก ล้างออก แล้วสระผมตามปกติ วิธีการป้องกันรังแค 1. ควรสระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคเป็นประจำ แต่ไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการระคายเคืองและไม่ให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป 2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมและหนังศีรษะที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือสารฟอกขาว เพราะส่วนผสมดังกล่าวสามารถทำให้หนังศีรษะแห้งได้ นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดความมันบนหนังศีรษะ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค 3. ควรออกไปสัมผัสกับแสงแดดเล็กน้อยเป็นประจำทุกวัน เพราะจากการศึกษาพบว่าแสงแดดสามารถช่วยควบคุมการเกิดรังแคได้ 4.
ช่วงนี้เชียงใหม่บ้านเราอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ตอนเช้า ๆ อากาศเย็น พอตอนบ่ายกลับร้อนอบอ้าว อากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทุกวัน คุณรู้หรือไม่ว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหารังแค ปัญหารังแคทำให้คุณขาดความมั่นใจ เพราะต้องคอยกังวลว่าบนไหล่จะมีเศษรังแคร่วงลงมาตอนไหน ยิ่งถ้าต้องใส่เสื้อสีเข้ม ๆ แล้วล่ะก็ วันนั้นทั้งวันคุณจะอยู่อย่างไม่มีความสุขแน่นอนค่ะ วันนี้ "เชียงใหม่นิวส์" จะพาคุณไปรู้จักกับรังแค ว่ารังแคคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร และมีทางรักษาอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณได้ป้องกันและรักษารังแคอย่างถูกวิธี จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ รังแค คืออะไร? เป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับหนังศีรษะและพบได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย เกิดจากการที่ผิวหนังเกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วหรือมากกว่าปกติ ก่อให้เกิดอาการคัน หนังศีรษะแห้ง การเกิดรังแคสามารถเกิดได้ทั่วทั้งบริเวณศีรษะ ไม่ใช่แค่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รังแคไม่ใช่โรคติดต่อและไม่เป็นอันตราย และส่วนใหญ่สามารถรักษาและควบคุมอาการได้ไม่ยาก ปัญหารังแค สังเกตได้ด้วยตัวคุณ 1. มีสะเก็ดสีเหลืองหรือขาว มีลักษณะมันวาวเป็นแผ่นแบนหรือแผ่นบาง ๆ หลุดออกมาจากหนังศีรษะ มักพบเห็นที่บริเวณหนังศีรษะ เส้นผม และไหล่ 2.
ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดรังแค ได้แก่ กรรมพันธุ์, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เผ็ด หรือมีเกลือมาก, การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น กรดไขมัน และวิตามินบี, การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความเครียด เป็นรังแค รักษาอย่างไร? 1. ใช้แชมพูยาขจัดรังแค สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป และควรสระผมทุกวันเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกิน โดยควรเลือกใช้แชมพูขจัดรังแคสูตรอ่อนโยนหรือแชมพูที่มีส่วนผสมของยา เช่น ซิงค์ไพริไทออน (zinc pyrithione), คีโทโคนาโซล (ketoconazole), ซีลีเนี่ยมซัลไฟด์ (selenium sulfide) และไพรอคโทน โอลามีน (Piroctone Olamine) 2. อย่าใช้เล็บเกาหนังศีรษะระหว่างสระผม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว เพื่อช่วยขจัดสิ่งตกค้างและเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะให้ดียิ่งขึ้นด้วย 3. หลังสระผมควรเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง โดยใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดค่อย ๆ ซับเบา ๆ ที่ผมให้แห้ง หรือปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติก็ได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความอับชื้นที่อาจจะเป็นต้นเหตุของการเกิดของเชื้อรา ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ผมแรง ๆ 4.
หวีผมเบา ๆ และใช้หวีที่มีซี่ห่างกัน โดยให้เริ่มหวีจากบริเวณรากผมไปตามความยาวของเส้นผม เพื่อเป็นการกระจายน้ำมันจากหนังศีรษะไปหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้ทั่วเส้นผม ไม่ควรใช้หวีที่มีความแข็งและมีซี่ถี่เกินไป เพราะอาจจะเกิดการดึงเส้นผมที่แรง จนทำให้เกิดการขาดร่วงของเส้นผมมากขึ้น 5. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะ เช่น การทำสี การยืด การดัดผม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะเป็นอันตรายต่อหนังศีรษะและเส้นผม โดยจะทำให้เกิดสารเคมีสะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่หนังศีรษะได้ และยังเป็นปัจจัยเสริมทำให้เกิดรังแคเพิ่มขึ้นอีกด้วย 6. หมั่นรักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้กับผมหรือศีรษะ โดยควรหมั่นทำความสะอาดหมอน หรือปลอกหมอน หรือหมวกกันน็อกเป็นประจำ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยลดการสะสมของเชื้อรา 7. เมื่ออยู่ในห้องแอร์ ควรปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมประมาณ 25 องศา และไม่ควรให้ลมจากเครื่องปรับอากาศโดยหนังศีรษะโดยตรง อาจจะทำให้หนังศีรษะเสียสมดุลทำให้อาการรังแคหายยากขึ้น 8. หากใช้แชมพูขจัดรังแคมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กำจัดรังแคด้วยของใกล้ตัว 1.
ยาแอสไพริน มีสารออกฤทธิ์เดียวกันกับ Salicylic Acid ซึ่งช่วยขจัดรังแคได้ วิธีใช้คือ บดยาแอสไพริน 2 เม็ด ผสมกับแชมพูปกติ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วนำมาสระผม 2. น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว ใช้หมักผมประมาณ 15-20 นาทีก่อนสระผมตามปกติ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ Tree Oil หยดผสมกับแชมพูที่ใช้เป็นประจำ 3-4 หยด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขจัดรังแคให้แชมพูของคุณ 4. ขิง ปลอกขิงแล้วนำมาขูด คั้นเอาแต่น้ำขิง ผสมกับน้ำมันงาเล็กน้อย นำมานวดหนังศีรษะ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออก ขิงที่ผสมน้ำมันสามารถขจัดรังแคได้ ทั้งยังช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อีกด้วย 5. ใบสะเดา มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการคัน และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ ให้ปั่นใบสะเดาสดให้ละเอียด นำมาหมักที่หนังศีรษะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วสระผมตามปกติ 6. พริกไทยดำ อุดมไปด้วยสังกะสี (Zinc) และซีลีเนียม (Selenium) ที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านรังแค โดยผสมพริกไทยดำ 2 ช้อนชากับโยเกิร์ต 1 ถ้วย คนให้เข้ากัน ทาลงบนหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วสระผมตามปกติ 7. น้ำผึ้งดิบ หรือน้ำผึ้งที่ไม่ผ่านความร้อน ช่วยขจัดรังแค และป้องกันการเกิดใหม่ของรังแคได้ โดยผสมน้ำผึ้งกับน้ำเปล่าเพื่อลดความเข้มข้นของน้ำผึ้งลง ทาและนวดหนังศีรษะประมาณ 3-5 นาที และหมักทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วล้างออก 8.
หนังศีรษะมันและแดง เป็นสะเก็ด มีอาการคันที่บริเวณหนังศีรษะร่วมด้วย 3. มักจะพบว่าเป็นมากในช่วงฤดูหนาวและอาการจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน สาเหตุของการเกิดรังแค มีอะไรบ้าง? 1. เกิดจากเชื้อรา ที่เรียกว่า เชื้อยีสต์ (Malassezia หรือ Pityrosporum) โดยปกติแล้ว เชื้อราเหล่านี้จะอาศัยอยู่ที่บริเวณหนังศีรษะของเราอยู่แล้ว โดยอาศัยการกินน้ำมันที่สร้างมาจากต่อมรากผมและต่อมไขมันเป็นอาหาร แต่หากเมื่อใดที่เชื้อราเหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วผิดปกติ จะทำให้เกิดการสร้างและผลัดเซลล์ผิวที่เร็วกว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน 2. ต่อมไขมันใต้หนังศีรษะผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่งผลให้มีการกระตุ้นเชื้อรา จนมีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่าปกติ 3. ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน เมื่อร่างกายมีระดับฮอร์โมนแบบไม่คงที่ จะมีผลต่อการทำงานของต่อมภายในร่างกาย ร่วมทั้งต่อมไขมัน โดยจะทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติตามมา 4. การมีผิวและหนังศีรษะที่แห้ง จะก่อให้เกิดการผลัดผิวเร็ว จนตกสะเก็ดหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ ได้ 5. ไม่ค่อยสระผม เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค เพราะเมื่อไม่สระผมจะทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศีรษะเพิ่มขึ้น จนนำมาซึ่งการสะสมของรังแคเพิ่มตามด้วย 6.